วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ

บันทันทึกครั้งที่ 6

อาจารย์ให้นำเสนองาน ดังนี้

เด็กปัญญาเลิศ

ด็กปัญญาเลิศ

1. นิยาม
เด็ก ปัญญาเลิศ หมายถึง เด็กที่มีความสามารถทางสติปัญญา และความถนัดเฉพาะทางอยู่ระดับสูงกว่าเด็กอื่นในวัยเดียวกัน คำที่ใช้ในความหมายที่มีอยู่หลายคำ เช่น เด็กปัญญาเลิศ           เด็ก อัจฉริยะ เด็กฉลาด เด็กมีพรสวรรค์ ฯลฯ เมื่อพูดถึงเด็กปัญญาเลิศ ก็มักนึกถึงเด็กที่เรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีหรือถือเอาเรื่องของความถนัดเฉพาะทางซึ่งเรียกกันว่า พรสวรรค์ในด้านที่เห็นได้ชัด เช่น ทางศิลปะ และดนตรีเป็นหลัก ดังนั้นเด็กที่ไม่มีโอกาสแสดงความสามารถไม่ว่าทางใด เช่น เด็กยากจน หรือยู่ในสิ่งแวดล้อมจำกัดไม่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นเด็กมีความสามารถ ก็ไม่มีโอกาสได้ชื่อว่าเป็นเด็กปัญญาเลิศ  แต่ เด็กปัญญาเลิศก็ยังคงเป็นเด็กที่มีความต้องการอื่นๆ เหมือนเด็กทั่วๆไป ปัญหาที่พบมักจะเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กกลุ่มนี้ และไม่สามารถเอื้ออำนวยต่อความต้องการและความสามารถของเด็กได้อย่างเหมาะสม จึงพบปัญหาการปรับตัวได้ เช่น การแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน เบื่อหน่ายการเรียนที่ไม่ได้เรียนสิ่งที่ตนเองสนใจ หรือคับข้องใจที่ได้รับการส่งเสริมแต่เพียงการใช้ความสามารถทางเชาวน์ปัญญา แต่ขาดการตอบสนองทางอารมณ์ตามวัย
2. การคัดแยก
 การคัดแยกเด็กปัญญาเลิศจะต้องสอดคล้องกับกระบวนการที่จะตามมา  ซึ่งได้แก่เป้าหมายของการศึกษา  วัตถุประสงค์  การจัดหลักสูตร  วิธีสอน  และการประเมินผลการศึกษา  การคัดแยกเด็กปัญญาเลิศนั้น  ควรเริ่มในวัยเด็ก  ทั้งนี้เพื่อจะได้ส่งเสริมเด็กได้ทันท่วงที  ผู้ที่ทำการคัดเลือกควรใช้วิธีการหลายๆวิธีรวมกัน  ไม่ควรใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง  เพราะว่าเด็กมาจากสิ่งแวดล้อมที่ต่างกันซึ่งจะส่งผลต่อการทดสอบ  หากเด็กมีปัญหาทางด้านอารมณ์  ภาษา  และการพูดด้วยแล้ว  การทดสอบตลอดจนการแปลผลคะแนน  จะต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง  ให้เลือกใช้วิธีการคัดแยกเด็กวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้
 2.1 การคัดแยกเด็กตามวิธีของโกแวน  (Gowan) มีดังนี้
2.1.1 คัดเลือกเด็กที่หลายคนคิดว่าเป็นเด็กฉลาด 
2.1.2 ทดสอบเด็ก  โดยใช้แบบทดสอบวัดระดับสติปัญญาที่เป็นการทดสอบพร้อมกันครั้งละหลายคน  คัดเลือกเอาเด็กที่ได้คะแนนสูงสุด 10%  เด็กเหล่านี้จัดเป็นเด็กปัญญาเลิศ  ส่วนเด็กที่เหลือให้จัดกลุ่มไว้ต่างหาก  เด็กกลุ่มนี้เรียกว่า อ่างเก็บน้ำ
2.1.3 ให้ครูประจำชั้นคัดเลือกเด็กในชั้นจำนวนหนึ่ง  เด็กที่คัดเลือกควรมีลักษณะดังนี้
- เรียนเก่ง

- รู้คำศัพท์มาก
- มีความคิดสร้างสรรค์สูง
- มีความเป็นผู้นำ
- มีความสนใจและเก่งในวิชาวิทยาศาสตร์
- มีความคิดเชิงวิจารณ์สูง
- มีลักษณะพิเศษ  แต่มักรบกวนความสงบในห้องเรียน
- มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูง
- มีเพื่อนมากที่สุด
- มีพ่อแม่ผู้ปกครองที่สนใจ  ส่งเสริมการเรียนของเด็ก
2.1.4 ทดสอบเด็กที่คัดเลือกไว้ในข้อ 1.3 โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  คัดเอาเด็กที่เก่งที่สุด 10% ไว้  ส่วนเด็กที่เหลือจัดไว้ในกลุ่ม อ่างเก็บน้ำ”  ตามข้อ 1.2
2.1.5 ครูใหญ่  ครูประจำชั้น  ครูแนะแนว  และครูอื่นที่เคยสอน  หรือรู้จักเด็กเป็นอย่างดี  ทำการคัดเลือกเด็กที่มีคุณสมบัติ  ดังต่อไปนี้
- เป็นหัวหน้ากลุ่มนักเรียน
 - มีความชำนาญพิเศษเฉพาะด้าน
- มีพ่อแม่ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและการศึกษาดี
- เป็นเด็กฉลาด  แม้จะมีปัญหาในการอ่าน
- เป็นเด็กฉลาด  แม้จะมีปัญหาทางอารมณ์
- เป็นเด็กฉลาดที่คณะกรรมการนี้มีความเห็นว่าจะเป็นเด็กปัญญาเลิศ
2.1.6 เรียงลำดับรายชื่อเด็กและระบุว่าเด็กแต่ละคนถูกกล่าวถึงกี่ครั้ง
2.1.7 เด็กใน อ่างเก็บน้ำเหล่านี้  หากคนใดถูกกล่าวถึง 3 ครั้งขึ้นไป  ให้จัดเป็นเด็กปัญญาเลิศได้
2.1.8 เด็กใน อ่างเก็บน้ำเหล่านี้  หากคนใดถูกกล่าวถึง 2 ครั้งขึ้นไป  ให้นำไปทดสอบโดยใช้แบบทดสอบ Stanford-Binet
2.1.9 เด็กใน อ่างเก็บน้ำที่ถูกกล่าวถึงเพียงครั้งเดียว  ให้ปล่อยกลับชั้นเรียนไป
2.1.10 เด็กที่ผ่านการทดสอบ (ใช้จุดตัดเป็นเกณฑ์) โดยแบบทดสอบ Stanford-Binet  ให้จัดเป็นเด็กปัญญาเลิศ  เด็กที่ไม่ผ่านให้กลับชั้นเรียนไป  หากมีเวลาหรือกรรมการเห็นว่าเหมาะสม  ควรทดสอบเด็กในข้อ 2.1.9 ด้วย  และปฎิบัติเช่นเดียวกับข้อ 2.1.10

                       

ในการคัดเลือกครูควรพิจารณาและสังเกตเด็กต่อไปนี้เป็นพิเศษ
- เด็กด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม  เช่น เด็กที่พ่อแม่ฐานะยากจนมาก 
- เด็กที่ปัญหาทางอารมณ์
- เด็กที่มีปัญหาในการอ่าน
- เด็กที่มีความเป็นผู้นำ